วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

การกำจัดผลิตภัณฑ์ปนสารปรอทด้วยการเผาอันตรายกว่าที่คิด



4 กุมภาพันธ์ 2552: กรุงเทพฯ - งานศึกษาวิจัยครั้งใหม่ที่เพิ่งเผยแพร่สู่สาธารณะในหลายประเทศยืนยันว่า การเผาผลิตภัณฑ์ที่มีสารปรอทเป็นส่วนผสมเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ในแต่ละปีมีสารปรอทปนเปื้อนสู่บรรยากาศสูงกว่า 200 ตัน ในจำนวนนี้เกิดจากกิจกรรมของคนถึงร้อยละ 10 งานศึกษาชิ้นนี้มีชื่อว่า “สารปรอทสูงขึ้น: ลดการเผาผลิตภัณฑ์ปนสารปรอทในทั่วโลก” ซึ่งเผยแพร่ออกสู่สาธารณะพร้อมกันจากองค์กรพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม,[i] ในหลายประเทศ การรณรงค์ผ่านงานศึกษาวิจัยครั้งนี้ต้องการชี้ให้คนตระหนักถึงภยันตรายจากสารปรอทสู่สิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการเผาผลิตภัณฑ์หรือวัสดุที่มีส่วนผสมของสารปรอท แต่ที่ผ่านมาคนไม่เข้าใจถึงอันตรายร้ายแรงของสารปรอทในบรรยากาศและไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้นัก
“เราเห็นว่าการศึกษาครั้งนี้มีความสำคัญคือ ช่วยทำให้เราตระหนักกันให้มากขึ้นว่า การเผาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารปรอทอันตรายกว่าที่เราคิดหรือรู้ ๆ กันมา” ไมเคิล เบนเดอร์ ผู้อำนวยการโครงการนโยบายปรอทกล่าว “งานศึกษานี้ยังชี้ให้เห็นว่าการเผาของเสียหรือผลิตภัณฑ์พวกนี้ทำให้สารปรอทกระจายสู่สิ่งแวดล้อมของโลกมากกว่าที่เราเคยคิดกันถึงสองเท่า”
งานศึกษาดังกล่าวมีการติดตามดูกิจกรรมการเผาหลัก ๆ หลายพื้นที่ด้วยกัน คือการเผาขยะหรือของเสียทางการแพทย์ การเผาของเสียอันตรายและของเสียจากเทศบาล การเผาตะกอนน้ำเสียจากเทศบาลต่าง ๆ และการลุกไหม้ของขยะตามหลุมฝังกลบขยะและการเผาในที่แจ้งหลายแห่งด้วยกัน
“รายงานฉบับนี้เน้นถึงผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมจากการเผาสิ่งเหล่านี้ทั้งในเตาเผาหรือการเผาไหม้ทั่วไป เราควรต้องยอมรับกันแล้วว่าการเผาไหม้ผลิตภัณฑ์หรือของเสียจากครัวเรือนที่มีส่วนผสมของสารปรอทอยู่นั้นไม่ว่าจะเป็นในเตาเผาขยะ ในหลุมฝังกลบใหญ่ๆ หรือการเผาในที่แจ้งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สารปรอทและสารพิษอื่น ๆ ปนเปื้อนสู่ระบบนิเวศทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลกด้วย” เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้ประสานงานจากกลุ่มศึกษาและรณรงค์มลภาวะอุตสาหกรรมกล่าว
รายงานการศึกษานี้ชี้ถึงสถานการณ์ระดับโลกว่า แหล่งหลัก ๆ ที่เป็นตัวการทำให้สารปรอทกระจายอยู่ในอากาศทั่วไปคือ มาจากการกำจัดของเสียพวกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารปรอทด้วยการเผา เช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์ เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ ทั้งนี้ยังไม่ได้รวมการจัดการของเสียจากโรงงาน ตามลำดับต่อไปนี้
· การเผาของเสียอันตรายและของเสียจากเทศบาล (ร้อยละ 41 ของที่ปล่อยสู่อากาศทั้งหมดที่เกี่ยวกับการเผาของเสียพวกผลิตภัณฑ์ที่มีปรอทปน)
· การลุกไหม้ตามหลุมฝังกลบต่าง ๆ และการเผาของเสียพวกผลิตภัณฑ์ที่มีปรอทปนในที่แจ้ง (ร้อยละ 45 ของทั้งหมด)
· การเผาของเสียจากสถานพยาบาล (ร้อยละ 11 ของทั้งหมด)
· การเผาตะกอนน้ำเสียจากเทศบาล (ร้อยละ 3 ของทั้งหมด)

มีการศึกษาคล้าย ๆ กันที่เคยประเมินการปนเปื้อนของสารปรอทในอากาศที่มาจากการเผาพวกของเสียและผลิตภัณฑ์ที่มีปรอทเป็นส่วนผสม แต่ว่าการศึกษาเหล่านี้ไม่ได้ตามดูรายละเอียดของสารปรอทในสิ่งแวดล้อมที่มาจากการเผาตามหลุมฝังกลบและการเผาขยะครัวเรือนในที่แจ้ง
“เราอยากเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ หาทางยับยั้งการกำจัดของเสียเหล่านี้ด้วยการเผาโดยด่วน รวมถึงการเผาปรอททิ้ง และเปลี่ยนมาช่วยกันหาวิธีการจัดเก็บสารพิษชนิดนี้ด้วยวิธีการที่ถูกต้องและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม และมีความยั่งยืนกว่า” วลัยพร มุขสุวรรณ เจ้าหน้าที่อาวุโสจากกลุ่มศึกษาและรณรงค์มลภาวะอุตสากรรมกล่าว
ผลการศึกษานี้เผยให้เห็นความรุนแรงของสารปรอทที่กระจายอยู่ในอากาศของแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (และเอเชียใต้ในระดับที่น้อยกว่าเล็กน้อย) ที่เกิดจากการเผาไหม้ขยะครัวเรือนตามหลุมฝังกลบและตามที่โล่งแจ้ง และมีการตั้งข้อสังเกตที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของการเผาในที่โล่งแจ้งอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในแถบชนบท ที่เป็นแหล่งรวมพวกผลิตภัณฑ์ปนสารปรอทจำนวนมหึมาและอัตราการแปรรูปของเหล่านี้กลับมาใช้ใหม่น้อยมาก
รายงานฉบับนี้ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า วิธีการเผาของเสียเทศบาลอย่างถูกหลักการก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในกลุ่มประเทศเอเชียส่วนใหญ่ การสร้างของเสียปริมาณมาก ๆ การใช้และกำจัดผลิตภัณฑ์ปนสารปรอทที่ค่อนข้างสูง และการเผาโดยเตาเผาที่ทำเป็นหลักในญี่ปุ่นล้วนเป็นสิ่งที่บอกเล่าได้ว่าทำไมการปนเปื้อนสารปรอทในอากาศของภูมิภาคนี้จึงรุนแรง
ผลการศึกษานี้มีข้อเสนอแนะว่า ในการประชุมที่องค์การสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ที่จัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์นี้ที่ไนโรบี ต้องผลักดันให้มีการตั้ง “คณะกรรมการเพื่อการเจรจาระหว่างประเทศ” ขึ้นมา 1 ชุด เพื่อผลักดันให้มีการเจรจาเรื่องการสร้าง “กลไกอิสระทางกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อควบคุมสารปรอท”
สำหรับช่วงรอยต่อก่อนที่จะมีกลไกเฉพาะที่ว่านี้ ทางองค์การสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติก็ควรมีมาตรการดังนี้
· รับหน้าที่ที่จะต้องสนับสนุนกิจกรรมที่นำไปสู่การสร้างกลไกทางกฎหมาย ความรู้ทางเทคนิค การวิเคราะห์ และการสร้างจิตสำนึกต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ที่ใช้ส่วนผสมของสารปรอท และประเทศต่าง ๆ ที่มีโรงงานเหล่านี้ดำเนินการอยู่ ยอมรับและปฏิบัติตามมาตรการเหล่านี้
· เห็นพ้องว่า การเผาไหม้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารปรอทในเตาเผาต่าง ๆ การลุกไหม้จากหลุมฝังกลบ และการเผาของเสียจากครัวเรือนในที่โล่งแจ้ง เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สารปรอทและสารพิษอื่น ๆ ปนเปื้อนสู่ระบบนิเวศในระดับท้องถิ่นและระดับโลก และกระตุ้นให้ประเทศต่าง ๆ มีมาตรการห้ามไม่ให้มีการเผาของเสียเหล่านี้ และหาวิธีการจัดเก็บสารพิษชนิดนี้ด้วยวิธีการที่ถูกต้องและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม และมีความยั่งยืนกว่า


บุคคลติดต่อ :

1. Michael Bender, Mercury Policy Project, telephone # +01 802-223-9000, e-mail: mercurypolic@aol.com
2. วลัยพร มุขสุวรรณ, กลุ่มศึกษาและรณรงค์มลภาวะอุตสาหกรรม email: cainthai@gmail.com

ติดต่อ: รายงานการศึกษาเรื่อง “Mercury Rising: Reducing Global Emissions from Burning Mercury-Added Products” ได้จาก websites: http://www.mercurypolicy.org/, www.zeromercury.org


หมายเหตุ

Notes:
1. ปรอทและองค์ประกอบอืน ๆ มีอันตรายต่อมนุษย์มาก โดยเฉพาะต่อระบบประสาทที่เกี่ยวกับการพัฒนา และยังมีอันตรายกับระบบนิเวศและประชากรสัตว์ป่าต่าง ๆ ด้วย
2. แหล่งกำเนิดของปรอทในธรรมชาติ เช่น จากการปะทุของภูเขาไฟ การระเหยจากผิวหน้าของดินและน้ำ รวมถึงผ่านการเสื่อมสลายของการเผาป่าและแร่ธาตุต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม การปนเปื้อนสารปรอทจากแหล่งน้ำและดินในปัจจุบัน ส่วนหนึ่งเกิดจากการย่อยสลายของปรอทที่มาจากทั้งแหล่งธรรมชาติและจากฝีมือมนุษย์
3. ปรอทเป็นธาตุที่ปะปนอยู่ในถ่านหิน โรงไฟฟ้าถ่านหินที่สร้างเพื่อผลิตไฟฟ้าเป็นแหล่งกำเนิดใหญ่สุดของโลกที่ทำให้อากาศปนเปื้อนสารปรอท


[i] This report is authored by the Mercury Policy Project: see http://www.mercurypolicy.org/, and is co-released by the following:
The Zero Mercury Working group is an international coalition of more than 40 public interest non-governmental organizations from around the world formed in 2005 by the European Environmental Bureau and the Mercury Policy Project/Ban Mercury Working Group. The aim of the group is to continually reduce emissions, demand and supply of mercury, from all sources we can control, with the goal of eliminating mercury in the environment at EU level and globally. Please see http://www.zeromercury.org/
Global Alliance for Incinerator Alternatives / Global Anti-Incinerator Alliance (GAIA) is a worldwide alliance of more than 600 grassroots groups, non-governmental organizations, and individuals in over 80 countries whose ultimate vision is a just, toxic-free world without incineration. GAIA work against incinerators and for safe, sustainable and just alternatives. Further information may be found at http://www.no-burn.org/
Ban Toxics! is an independent non-profit Asian regional environmental non-governmental organization that is focused on empowering local communities on the issue of toxics in order to reform national and regional toxics policy, making it more responsive and respectful to the needs of people and the environment. Ban Toxics! is an active member of Zero Mercury Working Group (ZMWG) and is the Asia-Pacific node of the Basel Action Network. Please see http://www.bantoxics.multiply.com/