วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2552

สายเกินไปไหม? จดหมายที่ยาวที่สุดที่ฉันเคยเขียน


สายเกินไปไหม?
จดหมายที่ยาวที่สุดที่ฉันเคยเขียน

นี่เป็นชื่อหนังสือที่ขอแนะนำค่ะ คนเขียนเป็นแม่บ้านธรรมดา ๆ คนหนึ่งในญี่ปุ่นชื่อ แทโกะ กันชา เธอเขียนเล่าความกังวลและความห่วงใยที่มีต่อการพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้เพื่อน ๆ ของเธอได้รับทราบ จดหมายฉบับนี้ได้รับการพิมพ์เผยแพร่เป็นภาษาอังกฤษมาก่อนแล้ว สำหรับฉบับภาษาไทยได้รับการแปลโดย พิภพ อุดมอิทธิพงศ์ และจัดพิมพ์โดยกลุ่มศึกษาและรณรงค์มลภาวะอุตสาหกรรม หลังสือเล่มนี้ถูกแจกจ่ายไปตามห้องสมุดต่าง ๆ ทั่วประเทศ

ลองอ่านเนื้อหาบางส่วนจากจดหมายขนาดยาวเล่มนี้ค่ะ


ทำไมโลกเราทุกวันนี้น่าเศร้าจัง

ในอดีต มีหรือที่แม่จะใส่ยาพิษในอาหารทุกมื้อที่ปรุงสำหรับครอบครัว เป็นไปได้หรือที่แม่จะใส่ยาพิษลงไปในอาหาร ยาพิษซึ่งจะเป็นอันตรายในระยะยาวและค่อย ๆ บั่นทอนสุขภาพของครอบครัว แต่นี่เป็นสิ่งที่แม่ๆ กำลังทำโดยไม่ตระหนักถึงผลร้ายที่จะเกิดขึ้น

นับตั้งแต่เกิดโศกนาฏกรรมเชอร์โนบิล (Chernobyl) แม่ ไม่มีทางเลือกที่จะทำอะไรได้ นอกจากพยายามเลือกสรรอาหารซึ่งมีสารพิษน้อยที่สุด การจัดเตรียมอาหารที่น่าจะเป็นเรื่องของความรื่นรมย์และความสุขกลับกลายเป็น งานอันน่าเบื่อและทำให้แม่รู้สึกผิด แต่เราก็ต้องกินอาหารเพื่อให้มีชีวิตต่อไป ไม่ใช่เรื่องน่าตลกแกมเศร้าหรอกหรือที่แม่ถูกบังคับให้ปรุงอาหารซึ่งจะบั่น ทอนชีวิตของคนในครอบครัวตนเอง

ใครจะนึกว่าวันหนึ่งเราต้องมากินอาหารที่ปนเปื้อนด้วยสารสังเคราะห์และสาร กัมมันตรังสีอันตราย เรารู้ดีว่าภายหลังเกิดโศกนาฏกรรมที่เชอร์โนบิล แม่ซึ่งอยู่ในสหภาพโซเวียตและยุโรปต่างเศร้าเสียใจมากเพียงใด และทุกวันนี้พวกเราแม่ๆ ชาวญี่ปุ่นต้องตกอยู่ในความเศร้าเช่นเดียวกันนั้น ผลกระทบที่สำคัญจากอุบัติเหตุดังกล่าวเริ่มปรากฏขึ้นที่นี่แล้ว

ในระหว่างที่เกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์เชอร์โนบิล สารกัมมันตรังสีจำนวนมากหลายพันล้านคูรีแพร่กระจายออกไป สารกัมมันตรังสีลอยตามกระแสลมเป็นระยะทาง 8,000 กิโลเมตรจนถึงญี่ปุ่น ส่งผลให้สาหร่ายทะเล ทุ่งหญ้า น้ำนม และสิ่งอื่นๆ ในญี่ปุ่นปนเปื้อนด้วยสารกัมมันตรังสี แม่ซึ่งทราบว่าน้ำนมของเธอปนเปื้อนเอาแต่ร้องไห้ด้วยความขมขื่น เพราะที่ผ่านมาเธอเลี้ยงลูกด้วยนมตัวเองมาตลอด เธอทราบดีว่าน้ำนมของเธอปนเปื้อนด้วยสารกัมมันตรังสี และลูกของเธอน่าจะได้รับผลกระทบ

สารกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์สามารถแพร่กระจายเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร ตามข้อมูลที่สำรวจในแม่น้ำโคลัมเบียในรัฐวอชิงตันและโอเรกอน สหรัฐฯ สมมติว่ามีสารกัมมันตรังสีในน้ำ 1 หน่วย ตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 หน่วยเมื่อแพร่เข้าไปในแพลงตอน 15,000 หน่วยเมื่อแพร่เข้าไปในปลา 40,000 หน่วยเมื่อเป็ดกินปลาตัวนั้นเข้าไป และเมื่อแม่เป็ดวางไข่ จำนวนสารกัมมันตรังสีจะเพิ่มขึ้นถึงล้านเท่า และถ้าคนเรากินไข่เหล่านั้นเข้าไป มันจะเพิ่มจำนวนอีกเท่าไร มันจะมากมายมหาศาลเพียงใด?

เมื่อร่างกายย่อยสลายอาหารที่ปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี สารเหล่านั้นจะแพร่กระจายเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายและแพร่รังสีออกมาพร้อมๆ กับทำลายเซลล์ในร่างกาย

ไอโอดีน 131 สะสมในต่อมไทรอยด์และกระตุ้นให้เกิดความผิดปกติในการสร้างฮอร์โมนของต่อม ไอโอดีน 131 มีอายุครึ่งชีวิตแปดวัน (อายุครึ่งชีวิตหมายถึงช่วงเวลาที่สารกัมมันตรังสีลดทอนจำนวนลงไปครึ่งหนึ่ง ตามธรรมชาติ สารแต่ละชนิดจะมีอายุครึ่งชีวิตต่างกัน สำหรับไอโอดีนจะมีอายุครึ่งชีวิตแปดวัน หมายถึงว่าเมื่อผ่านไปแปดวันจะมีจำนวนลดลงครึ่งหนึ่ง อีก 16 วันก็จะลดลงไปอีกครึ่งหนึ่ง หรือเหลือเพียงหนึ่งในสี่ของสารจำนวนเดิม สารกัมมันตรังสีจะลดจำนวนครึ่งหนึ่งไปเรื่อยๆ แต่ไม่เคยหมดโดยสิ้นเชิง)

พลูโตเนียม 239 สะสมในปอดและเป็นสาเหตุของมะเร็งปอด มันมีอายุครึ่งชีวิตถึง 24,000 ปีทีเดียว! ในช่วงเวลาดังกล่าวสารจะปล่อยกัมมันตรังสีออกมาเรื่อยๆ

สตรอนเทียม 90 สะสมในกระดูกและเป็นสาเหตุของมะเร็งเม็ดเลือดขาว อายุครึ่งชีวิตของมันคือ 28 ปี

โคบอลต์ 60 สะสมในตับและเป็นสาเหตุของมะเร็งตับ มีอายุครึ่งชีวิต 5 ปี

ซีเซียม 137 สะสมในอวัยวะสืบพันธุ์และเป็นสาเหตุของการเป็นหมันและความผิดปกติด้าน ฮอร์โมน อาจส่งผลให้ทารกคลอดออกมาด้วยอาการพิการอย่างรุนแรง ซีเซียม 137 มีอายุครึ่งชีวิต 30 ปี พอๆ กับอายุในวัยเจริญพันธุ์ของผู้หญิง

เมื่อแปดปีก่อนได้เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์บนเกาะทรีไมล์ (Three Mile Island) และในวันที่ 27 มีนาคมปีนี้ คุณแมรี่ ออสบอน ซึ่งอยู่ห่างจากเกาะแห่งนี้ 9 กิโลเมตร เดินทางมาญี่ปุ่นเพื่อเล่าเหตุการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้น เธอก็เป็นคุณแม่ลูกสอง

เธอบอกว่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถบนั้นหลายคนต้องประสบกับปัญหาความผิดปกติด้าน สุขภาพ มีรายงานผู้เสียชีวิตจากมะเร็งเพิ่มขึ้น ถึงขั้นที่ว่ามีผู้เสียชีวิตในครอบครัวเดียวกันถึงหกคน คุณออสบอนและคนอื่นๆ ซึ่ง แม้จะไม่ใช่นักเคลื่อนไหวหรือผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ต่างเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องผิดปกติ และพยายามสอบสวนหาสาเหตุด้วยตนเอง

การสอบสวนทำให้ทราบว่า สาเหตุมาจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น พวกเขาส่งข้อมูลให้กับรัฐบาลแห่งรัฐเพื่อขอให้มีการสอบสวนอย่างเป็นทางการ แต่ความพยายามไม่ได้ผล รัฐบาลปฏิเสธข้อมูลที่พวกเขารวบรวม โดยบอกว่าเป็นข้อมูลซึ่งไม่สามารถเชื่อถือได้ในทางวิทยาศาสตร์ พวกเขาประกาศว่าสุขภาพของประชาชนไม่ได้รับผลกระทบ อย่างมากก็มีแค่ความเครียดในใจ

ลอง คิดดูสิว่าฉันตกใจแค่ไหนที่เกิดเรื่องแบบนี้ในประเทศประชาธิปไตยอย่างสหรัฐ อเมริกา มันจะเป็นยังไงนะถ้าหากเกิดเรื่องแบบเดียวกันนี้ในประเทศญี่ปุ่น

........... ... ... . . .

ใครสนใจลองไปหาอ่านได้ตามห้องสมุดมหาวิทยาลัยทั่วไปหรือติดต่อซื้อที่ cainthai@gmail.com ค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น: